loading...
หลายๆคนที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว คงเคยมีความคิดอยากจะแยกบ้านไปอยู่เป็นครอบครัวตัวเองใช่ไหม? เพราะความเป็นส่วนตัวและเพื่อตัดปัญหาหลายๆอย่าง โดยเฉพาะใครที่มีพี่น้อง หากพี่หรือน้องแต่งงานไปแล้ว เอาสามี/ภรรยาเข้ามาอยู่ บางบ้านก็ถือเป็นเรื่องราวดีๆที่จะมีสมาชิกเพิ่ม แต่บางบ้านนั่นเหมือนจุดเริ่มต้นของปัญหาเชียวแหละ! ดังเช่นเรื่องราวของหญิงสาวคนนี้ ที่เธอได้บอกเล่าประสบการณ์สุดแย่ที่ได้เจอมาหลังจากได้ 4 ปีมีลูกชาย 1 คนวัย 2 ขวบ และได้แยกบ้านออกมาอยู่กับสามีเริ่มต้นชีวิตครอบครัวเล็กๆ แต่กลับต้องมาเจอ “พี่สาวสามี” ทำพิษด้วยการย้ายเข้ามาอยู่ด้วย และไม่เพียงเท่านั้น เธอยังทำเรื่องที่รับไม่ได้ ด้วยการพาผู้ชายเข้ามานอนในบ้าน ยิ่งไปกว่านั้นยังสร้างเสียงรบกวนคนในบ้าน !!! โดยเธอเล่าว่า หลังจากแต่งงานกับสามีได้ 4 ปี มีลูกชายด้วยกัน 1 คนวัย 2 ขวบ ก็ได้ตัดสินใจซื้อบ้านในตัวเมืองอยู่ เพื่อสะดวกเวลาไปทำงาน และก็ช่วยกันผ่อนกับสามี เพื่อจะแยกครอบครัวมาอยู่กันเองต่างหาก แต่กลายเป็นว่าพี่สาวสามีขอย้ายมาอยู่ด้วย ซึ่งเมื่อเข้ามาอยู่ก็ทำเหมือนเป็นบ้านของตัวเอง ไม่สนใจใคร แต่ไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยเพราะพี่สาวก็ช่วยดูแลลูกเราเหมือนกัน
ต่อมาไม่นานพี่สาวก็มีแฟน และเริ่มพามาที่บ้าน ทำให้เราไม่พอใจมาก และพูดกับสามีหลายครั้งว่านี่ไม่ใช่บ้านเขานะ แต่ทุกครั้งสามีก็จะบอกว่าปล่อยๆไป ยังไงนั่นก็พี่สาวเขา เราก็ได้แต่พยายามทำเป็นไม่สนใจ ปล่อยๆไป ช่วงแรกก็ยังพอมีความเกรงใจกันอยู่บ้าง แต่นานวันเข้าเริ่มแย่ลง ที่จู่ๆตกกลางคืนก็มักได้ยินเสียงแปลกๆดังออกมาจากห้องนางทุกคืน จนแทบนอนไม่หลับ
จนเริ่มหนักเข้า เราก็ไม่ไหวเหมือนกัน เลยตัดสินใจเดินไปเคาะห้องให้รู้แล้วรู้รอด และคนที่มาเปิดประตูก็คือแฟนของพี่สาว ในสภาพใส่กางเกงขาสั้นตัวเดียว และที่ช็อกไปกว่านั้นคือพี่สาวคนดีกำลังอยู่ในสภาพถูกใส่กุญแจมือล็อกไว้กับเตียง ยอมรับว่าจุดนั้นตกใจมากค่ะ ทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่นางจะพูดขึ้นมาว่า เราแค่เล่นกันไม่มีอะไร !!
บอกเลยว่าก็ไม่ไหวเหมือนกัน จึงพูดไปด้วยความโมโหว่า อยากจะทำอะไรก็ไปทำกันข้างนอก เกรงใจกันบ้าง ก่อนจะกลับห้องไปเล่าให้สามีฟัง ซึ่งเขาเองก็รับไม่ได้ และกลัวว่าวันหนึ่งหากลูกเริ่มรู้ความและไปเห็นอะไรแบบนี้เข้า คงจะไม่ดี หลังจากนั้นสามีจึงได้เจรจากับพี่สาวด้วยเหตุผล และเธอก็ยอมย้ายออกไป
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวสะท้อนความจริงที่เกิดขึ้นในหลายๆครอบครัว ที่หากเป็นแบบนี้แล้ว ทางเดียวที่จะแก้ได้คือการพูดคุยทำความเข้าใจกัน โดยเฉพาะบ้านไหนที่มีลูกๆวัยกำลังโต ต้องยิ่งระวังให้ดี เพราะในวัยนี้เด็กๆเขาจะเริ่มจดจำสิ่งต่างๆ ซึ่งหากไปเห็นไปได้ยินอะไรที่ไม่ดีเข้า เด็กๆก็จะจำฝังใจเชียวค่ะ
\Cr:http://khaosocial.com/
0 comments:
Post a Comment